
ประชาชนสนทนา เรื่อง มาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : TGIX เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐสู่มาตรฐานเดียวกัน – Digital Government Standard (dga.or.th)

ประชาชนสนทนา เรื่อง มาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : TGIX เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐสู่มาตรฐานเดียวกัน – Digital Government Standard (dga.or.th)

ประเทศไทยกำลังก้าวข้ามสู่ความเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาสนับสนุนการทํางานต่างๆ ของรัฐ เช่น การให้บริการประชาชน การบริหารงานภายในของภาครัฐ เป็นต้น
ประโยชน์ของการจัดทำรัฐบาลดิจิทัล หวังไว้หลายด้าน ทั้งประสิทธิภาพด้านการบริการประชาชนที่ดีขึ้น เข้าถึงบริการภาครัฐได้ง่ายขึ้น สร้างความโปร่งใสในการบริหารงานที่สามารถเข้าถึง ติดตาม และตรวจสอบได้ รวมถึงการลดต้นทุนในการให้บริการของภาครัฐ
แต่ก่อนจะเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้ การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐต้องเกิด และนี่คือที่มาของ TGIX (Thailand Government Information Exchange) หากจะขยายความว่า TGIX คืออะไร คำตอบสั้นๆ “TGIX คือ มาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ได้จัดทำและกำหนดขึ้นมาเพื่อให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน”
เรื่องเริ่มไม่ง่ายแล้ว!!!
อุปสรรคจากความต่าง
ด้วยหน่วยงานของรัฐล้วนมีหลากหลายและพันธกิจยังแตกต่าง กลายเป็นอุปสรรคใหญ่เมื่อต้องทํางานร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ลองนึกภาพดูว่า แต่ละหน่วยงานต่างใช้ภาษาเขียนซอฟต์แวร์ หลักเกณฑ์ และชื่อเรียกข้อมูลที่ต่างกัน การจะสื่อสารเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนต้องมีแกนกลางการเชื่อมนั้นๆ หรือเรียกว่า “มาตรฐานการทํางานร่วมกัน (Interoperability)” เป็นตัวกำหนดเกณฑ์ที่ทุกหน่วยงานยอมรับร่วมกันมาเป็นตัวประสาน
การมีมาตรฐานเป็นเรื่องดีใช่ไหม แต่การจะมีมาตรฐานการทํางานร่วมกันดังกล่าวกลับกลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคสําคัญในการดึงความสามารถของรัฐบาลดิจิทัลออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ทำไมน่ะหรือ?…
ต้องแจกแจงว่า มีปัญหาหลากหลายแง่มุมให้พิจารณา ทั้งประเด็นทางเทคนิค ที่ต้องพิจารณาถึงการส่งข้อมูล โครงสร้างและความหมายข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกัน (Data Syntactic and Semantic) และยังมีประเด็นผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ เป็นต้น
ปัญหามีไว้แก้
ยังดีที่เห็นถึงปัญหามากมาย จะได้จัดการแก้ไขได้ตรงจุด เพราะการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องเร่งดําเนินการให้เกิดขึ้นเพื่อให้พร้อมต่อมาตรฐานการทํางานร่วมกันของหน่วยงานของรัฐ
และการที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้ เป็นปัญหาเทียบเคียงกับปัญหามาตรฐานการทํางานร่วมกัน เนื่องด้วยมีแนวทางและความต้องการเหมือนกัน การพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐจึงใช้ตัวแบบอ้างอิงมาตรฐานการทํางานร่วมกันของรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government Interoperation Reference Model) จึงเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาได้… เริ่มเห็นแสงสว่างแล้ว !!!
งานท้าทายต้องวางกรอบชัด
การจะพัฒนามาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐให้ประสบผลสําเร็จถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก จําเป็นต้องมีกรอบแนวทางดําเนินงานที่ชัดเจน เพราะต้องดําเนินการทั้งในระดับเทคนิค ระดับความหมาย และระดับองค์กรในเวลาเดียวกัน จะต้องมีหน่วยงานหลักมาขับเคลื่อน เพื่อจัดการปัญหาต่างๆ จากปัจจัยด้านระเบียบกฎหมาย การเมืองและนโยบาย และวัฒนธรรมทางสังคม
จากที่กล่าวมาแล้วว่า เราใช้ตัวแบบอ้างอิงมาตรฐานการทํางานร่วมกันของรัฐบาลดิจิทัล เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนามาตรฐานได้ ซึ่งมาตรฐานการทํางานร่วมกันมีจุดประสงค์ 3 ประการ คือ
ส่วนระดับของมาตรฐานการทํางานร่วมกัน ภายใต้ชื่อ Thailand Government Information Exchange หรือ TGIX ประกอบด้วย 3 ระดับที่ต้องดำเนินการพร้อมกัน ได้แก่ [ใส่รูปที่ 1 ระดับมาตรฐานการทํางานร่วมกัน (Interoperability Level) จาก หน้า 6 ร่างมาตรฐานรัฐบาลดิจิทัล Digital Government Standard ว่าด้วยกรอบแนวทางการพัฒนามาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ https://bit.ly/3zChsTe]
ข้อแนะนําหน่วยงานภาครัฐ
ตามที่เกริ่นไว้ข้างต้นเรื่องของปัญหาที่ต้องคิดเผื่อ ซึ่งการปรับเข้าสู่มาตรฐานฯ TGIX ต้องมีผลกระทบที่เกิดขึ้นแน่นอน ทั้งผู้บริการและผู้ให้บริการ เพียงแต่จะมากหรือน้อย ดังนั้น การปรับเข้าสู่มาตรฐานฯ จึงต้องศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและนําไปประเมินเพื่อหาข้อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ แบ่งผู้จะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานฯ TGIX ได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูล กลุ่มผู้ให้บริการข้อมูล และกลุ่มผู้ใช้บริการข้อมูล ซึ่งมีข้อเสนอแนะที่พึงพิจารณาของแต่ละกลุ่ม(ตามรูปที่ 5 หน้า 12 ของ https://bit.ly/3zChsTe ร่างทั้งฉบับ)
สองมาตรฐาน:เชื่อมโยง-ความหมาย
การพัฒนามาตรฐานฯ TGIX แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การพัฒนามาตรฐานฯ ด้านการเชื่อมโยงข้อมูล (Linkage Standard) และการพัฒนามาตรฐานฯ ด้านความหมายข้อมูล (Semantic Standard) ซึ่งแต่ละส่วนมีแนวทางการดําเนินงานต่างกัน และมีองค์ประกอบของมาตรฐานต่างกัน
กล่าวโดยสรุปคือ การพัฒนามาตรฐานฯ ด้านการเชื่อมโยงข้อมูล มุ่งเน้นที่ (1) สถาปัตยกรรมอ้างอิงของระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล และ (2) ข้อกําหนดด้านเทคนิคในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยการพัฒนาต้องพิจารณาถึงแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่ดําเนินการอยู่ควบคู่ไปด้วยสถาปัตยกรรมอ้างอิงเบื้องต้นของระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล
ทั้งนี้ สถาปัตยกรรมอ้างอิงเบื้องต้น (Initial Reference Architecture) ของมาตรฐานฯ ด้านการเชื่อมโยงข้อมูลเป็นข้อกําหนดขั้นต่ำที่แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใต้มาตรฐานฯ TGIX ต้องปฏิบัติตาม (ดูรายละเอียดของสถาปัตยกรรมอ้างอิงเบื้องต้น รวมถึงอินเตอร์เฟส หรือจุดต่อเชื่อมระหว่างองค์ประกอบในระบบและจะต้องมีมาตรฐานโปรโตคอล (Protocol) ที่กําหนดไว้อย่างชัดเจน (ดูรายละเอียด หน้า 22-25 https://bit.ly/3zChsTe)
ส่วนการพัฒนามาตรฐานฯ ด้านความหมายข้อมูล มุ่งเน้นการสร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการกําหนด คําศัพท์ (Vocabulary) รูปแบบ โครงสร้าง และความหมายของข้อมูลที่ใช้แลกเปลี่ยนกัน
ล่าสุด มาตรฐานและหลักเกณฑ์การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล ว่าด้วยเรื่อง กรอบแนวทางการพัฒนามาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 12 กันยายน 2565 แล้ว
ประโยชน์เกิดเมื่อปฏิบัติจริง
ใดๆ ก็ตาม มาตรฐานจะมีประโยชน์ต่อเมื่อนำไปปฏิบัติ ซึ่งการจะนำไปปฏิบัติได้ ทุกหน่วยงานต้องรับทราบว่ามีมาตรฐานอะไรบ้าง และใช้มาตรฐานนั้นๆ ดำเนินการ ทั้งนี้ มาตรฐานต่างๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการรับรู้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเทคโนโลยีเปลี่ยน กฎเกณฑ์เปลี่ยน มาตรฐานจะได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมตามวาระอันควร
อนาคตที่มาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ (TGIX) เสร็จสิ้นและนำไปใช้แพร่หลาย แนวคิด Once-only Principle ของรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งคือ การที่ประชาชนให้ข้อมูลกับภาครัฐเพียงครั้งเดียวก็เข้าถึงบริการดิจิทัลภาครัฐได้อย่างครบวงจรจะเกิดเป็นรูปธรรม เมื่อถึงวันนั้น TGIX จะเป็นแบรนด์ด้านมาตรฐานรัฐบาลดิจิทัล (มรด.) ของประเทศไทยนั่นเอง
เพื่อให้มีการบริหารจัดการและการบูรณาการข้อมูลภาครัฐและการทำงานให้มีความสอดคล้องกันและเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างมั่นคงปลอดภัยและมีธรรมาภิบาล
หากกล่าวถึงคำว่า “ภูมิศาสตร์” เราอาจจะนึกถึงข้อมูลแผนที่ หรือการแสดงพื้นที่ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้ได้เปลี่ยนรูปแบบจากแผ่นกระดาษมาเป็นข้อมูลผ่านหน้าจอทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเรียกกันว่า ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS)
Geographic Information System : GIS
ตำราเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้ให้ความหมายของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ว่าเป็นระบบสารสนเทศที่นำเอาข้อมูล ทางด้านภูมิศาสตร์มารวบรวมจัดเก็บสามารถสืบค้นข้อมูลและปรับปรุงข้อมูลหรือนำมาวิเคราะห์เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ เช่น การวางแผน ใช้ทรัพยากรธรรมชาติการวิเคราะห์แหล่งน้ำหรือแม้กระทั่งการค้นหาสถานที่ต่างๆ ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยก็คงจะเป็นการใช้ Google Maps เพื่อค้นหาเส้นทางซึ่งก็ถือเป็นการใช้ระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์เช่นกัน
เมื่อข้อมูลพื้นที่มีหลากหลายรูปแบบและมีหน่วยงานรับผิดชอบที่แตกต่างกันการจะเชื่อมโยงข้อมูลเข้า
ด้วยกันต้องมีการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานได้ด้วยคุณภาพเดียวกันหนึ่งในนั้นคือการใช้ GML – Geography Markup Language เป็นภาษาที่เขียนขึ้นเพื่อติดต่อสื่อสารข้อมูลภูมิศาสตร์ ระหว่างเครื่องผ่านเครือข่ายให้เข้าใจตรงกัน
Geography Markup Language – GML
ก่อนที่จะอธิบายถึง GML เพื่อมองให้เห็นภาพได้ชัดเจน เราจะมาทำความรู้จักกับ XML ที่เป็นภาษาต้นแบบของ GML กัน
เทคโนโลยีนั้นมาพร้อมกับแพลตฟอร์มที่มากมาย การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็มีภาษาที่ได้รับความนิยมหลากหลาย ดังนั้นหากต้องการให้ทุกภาษาทำงานร่วมกันได้ เราจึงต้องมีตัวกลางเพื่อจัดเก็บและส่งต่อข้อมูล ให้ข้อมูลที่ได้รับนั้นตรงกัน นั่นคือหน้าที่ของ XML
XML ย่อมาจาก eXtensible Markup Language เป็นภาษาหนึ่งที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบและเก็บข้อมูลและส่งต่อให้ภาษาอื่นได้เข้าใจตรงกัน โดยคล้ายคลึงกับ HTML ที่จะใช้ แท็ก (Tag) ในการกำหนดรูปแบบหรือโครงสร้างได้เอง ซึ่งมีความสะดวกเพราะเป็นภาษาที่ทั้งคนและเครื่องต่างก็สามารถอ่านได้เข้าใจ

GML เกิดขึ้นจากรูปแบบของ XML จึงมีความคล้ายคลึงกัน แต่เป็นการกำหนดค่าลักษณะด้านภูมิศาสตร์โดยเฉพาะ เช่น การอธิบายพื้นที่ของผิวโลก ทำให้สามารถรับและส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน ที่ใช้ข้อมูลแผนที่ที่อยู่ใน Web Service มาวิเคราะห์พื้นที่จัดส่ง และกำหนดระยะเวลาการจัดส่งอาหารให้ถึงมือผู้รับได้อย่างรวดเร็ว GML ถูกกำหนดมาตรฐานโดย Open Geospatial Consortium ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนามาตรฐานของการให้บริการด้านการกำหนดพื้นที่ต่างๆ เป็นผู้กำหนดมาตรฐาน GML และเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2000

นอกจาก GML ยังมีมาตรฐานอื่นๆ เช่น GeoJSON ที่ใช้โครงสร้างแบบ JavaScript Object Notation หรือ JSON ซึ่งมีจุดเด่นคือ เป็นรูปแบบภาษาที่มีความซับซ้อนน้อยกว่า XML จึงสามารถรองรับข้อมูลปริมาณมากได้ดีกว่า ในอนาคตอาจจะมีการรองรับและใช้งาน GeoJSON มากยิ่งขึ้น

CityGML ก็เป็นอีกมาตรฐานสำหรับการแสดงภาพโครงสร้าง 3 มิติ ทำให้ภาพแผนที่เรียบๆ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา โดยสามารถนำมาสร้างเป็น Digital Twin ที่เป็นแนวคิดการสร้างเมืองจำลองขึ้นในแผนที่ สำหรับการตรวจสอบหรือจำลองสถานการณ์ให้เห็นภาพ ตัวอย่างเช่นการทำ Digital Twin เชื่อมต่อเข้ากับเซนเซอร์และ Internet of Things (IoT) เพื่อวัดค่ามลพิษในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

กำหนดมาตรฐาน เพื่อให้ใช้งานได้ร่วมกัน
หน่วยงานในประเทศไทยต่างมีความตื่นตัวในการรวบรวมข้อมูลภูมิศาสตร์ แต่หากข้อมูลเหล่านั้นมีความแตกต่างทางรูปแบบ และไม่มีคุณภาพที่เหมาะสม ยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ จะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน อาจทำให้เกิดการสูญเสียงบประมาณ เสียเวลา และเสียบุคลากรโดยไม่จำเป็น จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานภูมิสารสนเทศขึ้น เพื่อกำหนดวิธีการ เครื่องมือ หรือวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล การสำรวจ การจัดหา ประมวลผล วิเคราะห์ การเข้าถึง การนำเสนอ และการรับ-ส่ง ข้อมูลภูมิศาสตร์/ภูมิสารสนเทศในรูปแบบดิจิทัล
ประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ได้ประกาศให้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสารสนเทศภูมิศาสตร์ – ภาษาจีเอ็มแอล (GML) เป็นมาตรฐานที่ใช้ร่วมกัน โดยยึดตาม ISO 19136 : 2007 Geographic Information – Geography Markup Language (GML) เพื่อเป็นการกำหนดให้ทุกหน่วยงานได้ปฏิบัติงานด้านภูมิศาสตร์ตามมาตรฐานนี้ โดยถือเป็น 1 ใน 25 มาตรฐานที่ได้มีการประกาศมาตรฐานภูมิสารสนเทศในประเทศไทย
ตัวอย่างการนำภูมิสารสนเทศมาใช้เพื่อให้บริการในประเทศไทย
ระบบรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ฉุกเฉิน (ระบบต้นแบบ) http://gistdaportal.gistda.or.th/pmoc/nusais/

เป็นระบบที่รวบรวมข้อมูลฉุกเฉินที่สำคัญมารวมอยู่ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เฝ้าระวังโรคโควิด-19 สถานการณ์แหล่งน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูฝน สถานการณ์วาตภัยและอุทกภัย สถานการณ์หมอกควันและไฟป่า และสถานการณ์อุบัติภัยต่างๆ ถือเป็นระบบต้นแบบที่มีการรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงานภาครัฐเข้าด้วยกัน
สรุป
GML ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำภูมิสารสนเทศที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุคที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายจากที่บ้าน เมื่อมีการกำหนดมาตรฐานเพื่อส่งต่อข้อมูลจากหลายๆ หน่วยงานเข้าด้วยกัน จะช่วยให้ลดความซ้ำซ้อนของงาน ลดปัญหาความยุ่งยากในการเข้าถึงข้อมูล และจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ในการนำภูมิสารสนเทศมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาหรือเตรียมพร้อมต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

อ้างอิง
http://learn.gistda.or.th/2017/04/04/ข้อมูล-data-กิจกรรมที่นำไปส/
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/168/T_0014.PDF
http://learn.gistda.or.th/wp-content/uploads/book/Space%20techology%20and%20GEO-informatics.pdf https://developer.ibm.com/tutorials/yaml-basics-and-usage-in-kubernetes/
| ไฟล์เอกสาร | วันที่นำเข้า | ลิงก์ดาวน์โหลด |
|---|---|---|
| มสพร. 5-2565 ประกาศ-สพร.-ที่-7-2565-ข้อมูลนิติบุคคล | 19/10/2022 | |
| ไฟล์ประกอบมาตรฐาน ฯ | 19/04/2022 | |
| เอกสารประกอบข้อมูลนิติบุคคล | 19/04/2022 |
| ไฟล์เอกสาร | วันที่นำเข้า | ลิงก์ดาวน์โหลด |
|---|---|---|
| มสพร.4-2565 ประกาศ-สพร.-ที่-8-2565-ข้อมูลบุคคล | 19/10/2022 | |
| ไฟล์ประกอบมาตรฐาน ฯ | 19/04/2022 | |
| เอกสารประกอบข้อมูลบุคคล | 28/10/2022 |




ต่อเนื่องด้วยการนำเสนอเรื่อง “(ร่าง) มาตรฐานรัฐบาลดิจิทัลว่าด้วย กรอบแนวทางการพัฒนามาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ” โดย ผศ.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะทำงานเทคนิคด้านมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ นายนิพนธ์ กิจเกตุก้อง ศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส. เยาวภา วงศ์มาสา บริษัท อัฟวาแลนท์ จำกัด ดำเนินการเสวนาโดย ผศ. ดร. เจษฎา ขจรฤทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญ ทีมมาตรฐานดิจิทัล สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
สำหรับกรอบแนวทาง TGIX ฉบับนี้ เป็นแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนากลุ่มมาตรฐานเพื่อใช้ในการสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างหน่วยงานของรัฐ เกิดการบูรณาการข้อมูลร่วมกันผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง เกิดมาตรฐานการทำงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อันนำไปสู่การให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงนำไปสู่การลดต้นทุนในการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานอีกด้วย ดังนั้น จึงขอความอนุเคราะห์ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและปรับปรุงต่อไป โดยสามารถตอบแบบแสดงความคิดเห็น กลับมาภายใน วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2564








กรอบแนวทางฉบับนี้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนากลุ่มมาตรฐานเพื่อใช้ในการสนับสนุนภาครัฐให้เกิดการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างหน่วยงานของรัฐ เกิดการบูรณาการข้อมูลร่วมกันผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง เกิดมาตรฐานการทำงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อันนำไปสู่การให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงนำไปสู่การลดต้นทุนในการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานอีกด้วย
ทั้งนี้มาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ประกอบด้วยมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่
ด้วยเหตุนี้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ซึ่งมีหน้าที่อำนวยการและสนับสนุนการปฏิบัติงานในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จึงได้แต่งตั้ง “คณะกรรมการจัดทำร่างมาตรฐาน ข้อกำหนด และหลักเกณฑ์ ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒” และแต่งตั้งคณะทำงานเทคนิคด้านมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูล มาดำเนินการร่าง กรอบแนวทางการพัฒนามาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้ทราบถึงความสำคัญ แนวทาง วิธีการ และเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ในมาตรา 13 ระบุว่าเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและการให้บริการประชาชน ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลที่มีการจัดทำและครอบครองตามที่หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นร้องขอ ที่จะเกิดการบูรณาการร่วมกัน และ มาตรา 15 ระบุว่า ให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลและทะเบียนดิจิทัลระหว่างหน่วยงานของรัฐ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล และดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้

ข้อมูลจัดเป็นทรัพย์สินที่สำคัญในการดำเนินงานของหน่วยงาน ภาครัฐจึงได้ให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาใช้สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้กับทุกภาคส่วน แต่ในปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐยังประสบกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาเชิงนโยบายและปฏิบัติ ทั้งในเรื่องความซ้ำซ้อนของข้อมูลความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (เช่น การรักษาความลับ การเข้าถึงข้อมูล การรักษาความเป็นส่วนบุคคล) คุณภาพของข้อมูล (เช่น ความถูกต้อง ความครบถ้วน ความเป็นปัจจุบัน) การเปิดเผยข้อมูล (เช่น หน่วยงานเจ้าของข้อมูลไม่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล กระบวนการขอใช้ข้อมูลซับซ้อนและใช้เวลานาน ข้อมูลไม่อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานต่อได้ง่าย) และยังไม่มีการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ประเด็นปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากการบริหารจัดการข้อมูลที่ไม่ครอบคลุมและไม่ชัดเจนของหน่วยงาน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการและแนวปฏิบัติในธรรมาภิบาลข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เพื่อให้การได้มาและการนำไปใช้ข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน มั่นคงปลอดภัย รักษาความเป็นส่วนบุคคล และสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัยได้จริง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance for Government) จึงถูกจัดทำขึ้น เพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้เสียในการบริหารจัดการข้อมูล โดยประกอบด้วย สภาพแวดล้อมของธรรมาภิบาลข้อมูล กฎเกณฑ์หรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานกับข้อมูล บทบาทและความรับผิดชอบในธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ กระบวนการธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และการวัดการดำเนินการและความสำเร็จของธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ กล่าวคือ บุคคลที่ได้รับบทบาทในธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ จะมีหน้าที่ในการกำหนดขอบเขต กฎเกณฑ์ และนโยบายข้อมูลที่ใช้ในกระบวนการธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ เพื่อควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ตั้งแต่การสร้าง การจัดเก็บ การประมวลผล การใช้ การเผยแพร่จนถึงการทำลาย โดยกฎเกณฑ์และนโยบายข้อมูลต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละหน่วยงาน การวัดผลการดำเนินการช่วยให้เห็นระดับการดำเนินการของธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินการหรือคุณภาพของข้อมูล


ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐจะเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐรูปแบบใหม่ นำไปปรับใช้ให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้สามารถปรับตัวตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องและอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก ประกาศการใช้คุกกี้ และ ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)