
ในบทความที่แล้วได้กล่าวถึงการโยกย้ายเว็บไซต์จากเดิมที่เคยติดตั้งลงในเครื่องแม่ข่าย (Server) ไปยังระบบคลาวด์ โดยมีการเปรียบเทียบระหว่างการใช้ระบบคลาวด์แบบการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure as a Service: IaaS) และการให้บริการแพลตฟอร์ม (Platform as a Service: PaaS) นำเสนอในรูปแบบตารางเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้คำสำคัญ (Keyword) เพื่อใช้เป็นรายการตรวจสอบ (Checklist) สำหรับการวางแผนโยกย้ายระบบ
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของการย้ายระบบขึ้นสู่คลาวด์คือความสามารถในการรับมือกับปริมาณการใช้งานที่พุ่งสูงขึ้นเป็นช่วง ๆ หรือที่เรียกว่า Traffic Spikes ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง ในอดีตองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ระบบ On-Premises ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อซื้อฮาร์ดแวร์เผื่อไว้สำหรับช่วงที่มีการใช้งานสูงสุด เช่น ช่วงเทศกาลลดราคาใหญ่หรือการเปิดลงทะเบียนโครงการของรัฐ ขณะเดียวกันก็ต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับระบบรักษาความปลอดภัย การอัปเดตซอฟต์แวร์ และการจัดการช่องโหว่ต่าง ๆ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินและทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งานตลอดทั้งปี แต่ระบบคลาวด์สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยคุณสมบัติสองประการสำคัญ คือ ความสามารถในการปรับขยาย (Scalability) ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากรได้อย่างอัตโนมัติและรวดเร็วตามความต้องการที่แท้จริง และระบบความปลอดภัยแบบบูรณาการ (Integrated Security) ที่มีการอัปเดตและการป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ ทำให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันยังคงทำงานได้อย่างราบรื่นและเสถียร ไม่ล่มหรือช้าลง แม้จะมีผู้ใช้งานเข้ามาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก หรือเมื่อเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น DDoS attacks ที่มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการใช้งานสูง ช่วยให้ธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐไม่พลาดโอกาสสำคัญและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่ไม่จำเป็นในระยะยาว
บทความต่อเนื่องนี้จะเล่าประสบการณ์การทำงานจากการใช้ระบบคลาวด์ ที่เกิดขึ้นในแง่มุมที่ผู้ใช้บริการคลาวด์อาจจะได้มีโอกาสหยิบไปใช้แบบปฏิบัติได้จริง จึงขอโฟกัสไปที่การโยกย้ายเว็บไซต์และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ประสบการณ์ SSL Certificate บน PaaS การจัดการง่ายที่สัมผัสได้
เมื่อพูดถึงการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ด้วย SSL Certificate การใช้งานบน PaaS นั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างและง่ายดายเมื่อเทียบกับการจัดการด้วยตนเองบน IaaS
สำหรับ PaaS นั้น SSL Certificate จะมีให้แบบอัตโนมัติ และ มีการต่ออายุให้เองโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับการจัดการ Configuration ใด ๆ เพียงเปิดใช้งาน HTTPS ใน Control Panel ของบริการที่ใช้ และในกรณีที่ใช้ชื่อโดเมนของหน่วยงานเอง (Custom Domain) ระบบก็จะติดตั้ง SSL Certificate ให้โดยอัตโนมัติเช่นกัน
การจัดการเรื่อง SSL Certificate สำหรับบริการ SSL ที่นิยมใช้กันอย่าง ZeroSSL, Buypass Go SSL หรือ Let’s Encrypt ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ออกใบรับรอง (Certificate Authority) โดยให้บริการฟรีและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยปกติแล้วการใช้วิธี Let’s Encrypt จำเป็นต้องมีการตั้งค่าและจัดการด้วยคำสั่งทางเทคนิค (เช่น การติดตั้ง Certbot และการตั้งค่าให้ต่ออายุอัตโนมัติด้วย Cron job) ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กับบริการแบบ IaaS ที่ผู้ใช้ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเอง ตามตัวอย่างการติดตั้ง SSL

ส่วนบริการ PaaS บางแห่งก็ใช้ SSL ด้วยวิธี Let’s Encrypt ด้วยเช่นกันโดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการเอง จึงเป็นความง่ายต่อการจัดการ
ตัวอย่างอีกเรื่องที่จะแนะนำเพื่อให้เห็นการเปรียบเทียบของการย้ายเว็บไซต์ไปยังบริการคลาวด์ประเภท IaaS และ PaaS คือวิธีการย้าย CMS Website โดยในที่นี้จะเป็นตัวอย่างสำหรับ WordPress
สำหรับ IaaS จะใช้คำสั่ง 3 ขั้นตอนหลัก สำหรับการย้ายเว็บไซต์เดิมไปยังคลาวด์
- การย้ายฐานข้อมูล (Database) ตัวอย่างคำสั่งมีดังนี้

2. การย้ายไฟล์ที่มีความเกี่ยวข้องตัวอย่างคำสั่งมีดังนี้

3. การแก้ไขการตั้งค่า (Configuration) ในตัว WordPress

ตัวอย่าง 3 ขั้นตอนจำเป็นอย่างง่ายที่ไม่รวมขั้นตอนอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ เช่น การปรับเปลี่ยน DNS แต่เมื่อเทียบกับการย้ายเว็บไซต์ ที่เป็น WordPress ไปยังบริการคลาวด์ PaaS ที่อาจจะใช้เครื่องมือของคลาวด์ที่รองรับ WordPress หรือการใช้ปลั๊กอิน (Plugin) ของตัว WordPress เอง เช่น All-in-One WP Migration เพียงแค่ตัวเดียว และทำตามขั้นตอนของเครื่องมือ หรือปลั๊กอิน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้บริการ PaaS มีขั้นตอนของการย้ายเว็บไซต์ที่มีความยุ่งยากน้อยกว่า
สรุปบทความนี้ได้เล่าถึงประสบการณ์และคำแนะนำในการใช้งานจริง ทั้งนี้คำสั่งที่ใช้ในการย้ายระบบ อาจมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันที่ใช้งาน ทั้งนี้การโยกย้ายระบบต่าง ๆ จาก On-Premises จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดเตรียมทีมงานร่วมกับฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ดำเนินการแผนสำหรับการย้ายระบบอย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีการผ่านกระบวนการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ที่ต้องผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการที่ปรึกษาการเปลี่ยนแปลง (Change Advisory Board: CAB) เพื่อให้เกิดความรอบคอบและการติดตามการโยกย้ายระบบ ทั้งนี้อาจปรึกษาการดำเนินการร่วมกับฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของการโยกย้ายระบบ ในบทความต่อไปอาจมีประสบการณ์เรื่องทางเทคนิคอะไรมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ขอให้ผู้อ่านติดตามกันต่อไป
Reference
- WordPress.org. (2025, July 18). All-in-One WP Migration and Backup – WordPress plugin. WordPress Plugin Directory. https://wordpress.org/plugins/all-in-one-wp-migration/
- JupiterX Help Center. (n.d.). Migrating Your Website With All-In-One WP Migration. https://help.jupiterx.com/article/90-migrating-your-website-with-all-in-one-wp-migration
- WP STAGING. (2023, April 12). The Fastest Way to Migrate MySQL Databases to Another Server with Mysqldump. WP STAGING Blog. https://wp-staging.com/migrating-a-mysql-database-to-another-server-using-mysqldump/
- Bacon, M. (2021, April 6). How to Import and Export WordPress Databases Using the Command Line. Marc Bacon. https://www.marcbacon.com/how-to-easily-import-and-export-wordpress-mysql-databases-using-the-command-line-linux/
- GridPane. (2022, August 28). How to Migrate a WordPress Website with WP-CLI and rsync. GridPane Knowledge Base. https://gridpane.com/kb/how-to-migrate-a-wordpress-website-with-wp-cli-and-rsync/