
ในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงการให้บริการผ่านทางเว็บไซต์ มักมีการมุ่งไปในการให้บริการแอพพลิเคชันที่ให้บริการผ่านสมาร์ตโฟน (Smartphone) และอุปกรณ์จำพวกแท็บเล็ต (Tablet) การใช้งานข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ ต่าง ๆ จะสามารถทำงานผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ได้ แม้จะมีความนิยมลดลง แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในช่องทางการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่ยังมีประสิทธิภาพ ในยุคที่บุคลากรด้านดิจิทัลขาดแคลนในหน่วยงานภาครัฐ และงบประมาณของภาครัฐต้องใช้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด การโยกย้ายเว็บไซต์จากเดิมที่เคยติดตั้งลงในเครื่องแม่ข่าย (Server) ของหน่วยงานที่มีค่าใช้จ่ายทั้งในแง่ของการดูแลรักษา และมีเรื่องของความสามารถในการปรับขนาดของทรัพยากรระบบ (Scalability) และช่วยลดภาระการดูแลเครื่องแม่ข่าย (Hardware Server) ไปยังคลาวด์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและความสามารถอื่น ๆ แล้ว คุ้มค่ากว่าในแง่ของค่าใช้จ่าย และการดูแลรักษาอย่างชัดเจน
ก่อนอื่นอยากให้มองว่า สำหรับประเภทของเว็บไซต์ที่หน่วยงานภาครัฐใช้งาน สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. Custom เว็บไซต์ (พัฒนาเอง)
2. CMS-based เว็บไซต์ (WordPress, Drupal, Joomla ฯลฯ)
แต่เดิมหน่วยงานนั้น ได้สร้างเว็บไซต์ตามแต่ภารกิจของหน่วยงานและติดตั้งไว้บนเครื่องแม่ข่าย (Server) เป็นหลัก โดยทั่วไปแล้ว เว็บไซต์ของหน่วยงานมักถูกติดตั้งบนเครื่องแม่ข่ายของตนเอง (On-Premise) ซึ่งการย้ายขึ้นสไปบนคลาวด์นั้น สามารถเลือกใช้บริการได้หลายรูปแบบ โดยแบ่งตามลักษณะการให้บริการได้ดังนี้
1. การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure as a Service: IaaS) รูปแบบการบริการที่ต้องอาศัยความเข้าใจทางด้านเทคนิคในการดูแลด้วยเช่นกัน เนื่องจากการให้บริการคลาวด์ในรูปแบบนี้ ผู้ใช้บริการต้องจัดการเครื่องแม่ข่ายเสมือนเอง ตั้งแต่การเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ (Operating System) เลือกติดตั้งซอฟท์แวร์เพื่อให้บริการในเรื่องต่าง ๆ รวมไปถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ที่ควรจะทำให้สามารถบริการได้ตามวัตถุประสงค์ ทำให้รูปแบบนี้เป็นการดำเนินการที่ต้องการความยืดหยุ่นเพื่อการปรับแต่งได้ในอนาคต และสามารถควบคุมได้ในทุกเรื่อง ดังนั้นการบริการแบบนี้จึงเหมาะกับการทำแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ที่มีการพัฒนาเอง
2. การให้บริการแพลตฟอร์ม (Platform as a Service: PaaS) เป็นรูปแบบที่ทางผู้ให้บริการติดตั้งซอฟท์แวร์ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานอยู่แล้ว เหลือแค่การนำเข้าข้อมูลและการตั้งค่าบางอย่างเท่านั้น การให้บริการคลาวด์ลักษณะนี้เป็นการให้บริการตามวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน โดยให้บริการที่ลูกค้าไม่ต้องเลือก ไม่ต้องติดตั้งซอฟท์แวร์ แต่สามารถใช้งานในสิ่งที่จำเป็นได้
หากมองการเปรียบเทียบในการจัดการเรื่องเว็บไซต์โดยบริการคลาวด์ทั้งสองแบบตามหัวข้อต่าง ๆ ได้ดังตารางนี้
หัวข้อของการบริการ | IaaS | PaaS |
ความรับผิดชอบในการจัดการ | ผู้ใช้บริการต้องจัดการ OS, Software สำหรับการทำเว็บไซต์ หรือการทำ Runtime , จัดการเรื่องของ Framework ของเว็บไซต์ | ผู้ใช้บริการจัดการเรื่องของข้อมูล และ Framework ของเว็บไซต์เองเท่านั้น |
ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน | ความยืดหยุ่นสูงมาก | ความยืดหยุ่นปานกลาง |
การจัดการเรื่องของ SSL | ผู้ใช้บริการ/หน่วยงานรัฐต้องจัดการเอง | ผู้ให้บริการคลาวด์จัดการให้ |
เวลาที่ใช้ในการติดตั้งจนสามารถให้บริการเว็บไซต์ได้ | ใช้เวลานานกว่า | ใช้เวลาได้รวดเร็วกว่า |
ตามเนื้อหาที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของรูปแบบการให้บริการคลาวด์ในแต่ละประเภท ในแง่มุมของความแตกต่างระหว่าง การบริหารจัดการเองกับการที่ผู้ให้บริการคลาวด์ดำเนินการให้นั้น สามารถแยกได้ดังภาพต่อไปนี้

จากภาพในเรื่องจะเห็นถึงความยืดหยุ่นในการจัดการระบบเอง กับความสะดวกในการที่ผู้ให้บริการคลาวด์ดำเนินการให้ เป็นส่วนผสมที่ผู้ใช้บริการคลาวด์สามารถเลือกได้ตามตามต้องการ แล้วหน่วยงานรัฐควรจะเลือกแบบใด เป็นคำถามที่ได้รับการสอบถามบ่อยมาก จึงอยากให้คำนึงถึงสภาพแวดล้อมของหน่วยงานก่อนลำดับแรก
การย้ายระบบจาก On-Premises ไปยังระบบคลาวด์ คำนึงถึงเรื่องใดบ้าง
ความกังวลอีกหนึ่งอย่างที่มักมีคำถามเสมอว่า ทำอย่างไรจะสามารถย้ายระบบจาก On-Premises ไปยังคลาวด์ได้โดยมีปัญหากับระบบน้อยที่สุด เช่น เมื่อย้ายไปยังระบบคลาวด์แล้วสามารถให้บริการได้ตามเดิม หรือมีการแก้ไขไฮเปอร์ลิงก์ (Hyperlink) บางส่วนเพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานต่อได้ คำตอบสำหรับคำถามนี้อาจจะมีได้หลายรูปแบบ แล้วแต่ความคาดหวังต่อความสมบูรณ์ของการย้ายระบบ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ใน “แผนการโยกย้ายระบบ” คือ รายการตรวจสอบ (Checklist) และมักจะมีคำถามต่อมาว่า ในรายการตรวจสอบควรมีเรื่องใดบ้าง ความแตกต่างในแต่ละระบบคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้รายการตรวจสอบในแผนการย้ายระบบฯ แตกต่างกันเช่นกัน ทั้งนี้คำสำคัญในการย้ายระบบที่ควรมีในรายการตรวจสอบ ที่จะแนะนำ
Phase 1: การประเมินและวางแผน (Assessment & Planning)
- การประเมินแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐาน (Application & Infrastructure Assessment)
- การเลือกกลยุทธ์ในการโยกย้าย (Migration Strategy Selection)
- การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
Phase 2: การออกแบบและเตรียมการ (Design & Preparation)
- การออกแบบสถาปัตยกรรมคลาวด์ (Cloud Architecture Design)
- การวางแผนการโยกย้าย (Migration Planning)
Phase 3: การเตรียมสภาพแวดล้อม (Environment Preparation)
- การติดตั้งสภาพแวดล้อมของคลาวด์ (Cloud Environment Setup)
- เครื่องมือที่ใช้ในการจัดเตรียม (Tools & Automation)
Phase 4: การดำเนินการย้าย (Migration Execution)
- การโยกย้ายข้อมูล (Data Migration)
- การโยกย้ายแอปพลิเคชัน (Application Migration)
Phase 5: การทดสอบและเปิดใช้งาน (Testing & Go-Live)
- การทดสอบที่ครอบคลุม : ทดสอบการทำงาน (Functional) , ทดสอบประสิทธิภาพ(Performance) , ทดสอบความปลอดภัย (Security) , ทดสอบการกู้คืนระบบ (Disaster Recovery)
- การเตรียมการเปิดการใช้งาน (Go-live Preparation)
Phase 6: การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization & Post-Migration)
- การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Performance Optimization)
- การตรวจสอบ การติดตามและการแจ้งเตือน (Monitoring & Alert)
Phase 7: การส่งมอบและปิดโครงการ (Handover & Project Closure)
- การปรับปรุงเอกสารก่อนการส่งมอบ (Document Update)
- การฝึกอบรม (Team Training)
ทั้งนี้เป็นเพียงแค่คำสำคัญ (Keyword) ในการแนะนำขั้นตอนการย้ายระบบจาก On-premises ไปอยู่บนคลาวด์เท่านั้น รายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นในส่วนของทางเทคนิคเบื้องต้น จะอยู่ในบทความต่อไป เพื่อให้เห็นถึงตัวอย่างขั้นตอนในการโยกย้ายในส่วนที่ต้องใช้งานจริง
สรุปคำแนะนำการเลือกรูปแบบการบริการคลาวด์สำหรับการทำเว็บไซต์
กรณีที่เหมาะสำหรับการเลือกรูปแบบ IaaS เมื่อต้องการควบคุมระบบทั้งหมด มีความต้องการในการปรับแต่งวิธีการหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการเว็บไซต์ในอนาคต และมีทีมเทคนิคในการบริหารจัดการที่มีประสบการณ์และเพียงพอต่อการดำเนินงาน
กรณีที่เหมาะสำหรับการเลือกรูปแบบ PaaS เมื่อมีความต้องการสร้างเว็บไซต์เพื่อให้บริการอย่างรวดเร็ว และมีทีมในการบริหารจัดการขนาดเล็กและค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้การเลือกรูปแบบการบริการคลาวด์สำหรับการทำเว็บไซต์ ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ทั้งในด้านงบประมาณ ทีมงานและความซับซ้อนของระบบ โดยหากหน่วยงานของรัฐเห็นว่ามีความจำเป็นในการโยกย้ายระบบ ต้องจัดเตรียมทีมงานร่วมกับฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ดำเนินการแผนสำหรับการย้ายระบบอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุดในการดำเนินการ
ดังนั้น เพื่อให้การโยกย้ายเว็บไซต์จากเครื่องแม่ข่ายเดิมที่เคยติดตั้งลงไปสู่ระบบคลาวด์นั้นสามารถปลดล็อกศักยภาพในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการและการดูแลรักษาได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานภาครัฐที่เผชิญกับข้อจำกัดด้านบุคลากรด้านดิจิทัลและงบประมาณที่ต้องใช้อย่างคุ้มค่า การวางแผนอย่างรอบคอบล่วงหน้าจึงเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง การดำเนินการนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในองค์กรในการบริหารจัดการ ควบคู่ไปกับการจัดเตรียมงบประมาณและบุคลากรที่มีความพร้อม ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี ช่วยลดภาระในการดูแลเครื่องแม่ข่ายเดิม และทำให้หน่วยงานสามารถใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
Reference
- Kinsta. (2024, May 30). IaaS vs PaaS: What’s the Difference? Kinsta Blog. https://kinsta.com/blog/iaas-vs-paas/
- WordPress.org. (2025, July 18). All-in-One WP Migration and Backup – WordPress plugin. WordPress Plugin Directory. https://wordpress.org/plugins/all-in-one-wp-migration/
- Google Cloud. (n.d.). PaaS vs IaaS vs SaaS: What’s the difference? Google Cloud Documentation. https://cloud.google.com/learn/paas-vs-iaas-vs-saas
- AWS Migration Hub. https://aws.amazon.com/migration-hub
- Microsoft Cloud Adoption Framework for Azure. https://docs.microsoft.com/en-us/azure/cloud-adoption-framework
- Google Cloud Migration Center Document. https://cloud.google.com/migration-center